ผู้เขียน หัวข้อ: บริหารจัดการอาคาร: ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับแอร์ ที่ยิ่งทำ ค่าไฟยิ่งพุ่ง  (อ่าน 88 ครั้ง)

siritidaphon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 194
  • ลงโฆษณาฟรี โปรโมทสินค้าฟรี ซื้อ ขาย เช่า บริการ ลด แลก แจก แถม แห่งใหม่ ลงประกาศได้ไม่จำกัด เว็บลงโฆษณาฟรี ประกาศขายสินค้าออนไลน์ ซื้อขายแลกเปลี่ยน สินค้าใหม่หรือมือสอง ประกาศขายบ้าน ขายรถ.ลงประกาศฟรีออนไลน์ โพสฟรี โพสต์ขายของฟรี ลงโฆษณาสินค้าฟรี โฆษณาสิน
    • ดูรายละเอียด
บริหารจัดการอาคาร: ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับแอร์ ที่ยิ่งทำ ค่าไฟยิ่งพุ่ง
 
เมื่อถึงช่วงหน้าร้อน หลายบ้านคงมีค่าไฟที่พุ่งกระฉูด เพราะอากาศในบ้านเราที่ร้อนระอุก็ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกเข้ามาช่วย นั่นก็คือ เครื่องปรับอากาศ หรือที่เราเรียกกันว่า แอร์ ซึ่งจริง ๆ แล้วที่ค่าไฟแพง อาจไม่ได้เป็นเพราะเปิดแอร์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะการใช้แอร์แบบผิดๆ หรือมีความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการใช้แอร์

ที่ทำให้เปลืองไฟและจะทำให้แอร์พังได้ง่าย ซึ่งต้องบอกว่า แอร์ที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้นั้น มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก บางบ้านอาจจะใช้งานแอร์มาเป็น 10 ปีโดยที่ไม่มีการเสียหาย หรือบางบ้านที่เพิ่งติดตั้งแอร์ไป แต่ใช้ไปไม่ทันไร แอร์ก็ไม่เย็นซะแล้ว ซึ่งต้องบอกว่า แอร์เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องได้รับการบำรุงรักษาตลอดการใช้งาน

ซึ่งเราต้องยอมรับในค่าใช้จ่ายส่วนนี้ เพราะถ้าหากไม่รักษาความสะอาดของแอร์ แน่นอนว่า แอร์จะมีปัญหาอย่างแน่นอน และอาจจะทำให้สุขภาพของคนในบ้านเสียได้อีกด้วย เนื่องจากได้รับอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึง การใช้แอร์แบบไหนที่ทำให้เปลืองพลังงานและต้องจ่ายค่าไฟแพงกว่าเดิม

แล้วจะประหยัดค่าไฟช่วงหน้าร้อนได้อย่างไรบ้าง ถ้าจำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศทุกวันแบบนี้ เพราะถ้ายังมีความเชื่อผิดๆแบบนี้ แน่นอนว่า เราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
 
เชื่อว่า หลายคนยังมีความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการใช้งานแอร์อยู่ บางคนคิดว่า แอร์เก่าที่ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ แม้จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าระบบภายในของแอร์นั้น มีความเสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน ยิ่งแอร์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 15 ปีขึ้นไป

ยิ่งจะต้องมีการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในเรื่องของการซ่อมบำรุง อีกทั้งแอร์ประเภทนี้ยังเปลืองไฟมากกว่าปกติอีกด้วย ดังนั้นเมื่อคำนวณถึงความประหยัดแล้ว การเปลี่ยนแอร์ใหม่ย่อมสามารถช่วยประหยัดในระยะยาวได้มากกว่า

นอกจากนี้ หลายคนยังเข้าใจเรื่องของค่า BTU แบบผิดๆ เพราะคิดว่ ายิ่งมีค่าสูงจะยิ่งทำให้บ้านเย็น แต่นั่นเป็นเพียงความเข้าใจผิด เพราะค่า BTU ที่สูงหรือต่ำจนเกินไปจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักและกินไฟมากขึ้น จึงควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับขนาดห้องที่ใช้งาน เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้ค่าไฟพุ่งกระฉูดเลยทีเดียว

ต่อมาในเรื่องของการเลือกตำแหน่งในการติดตั้งแอร์ให้เหมาะสม ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดการทำงานของแอร์ได้ จะช่วยประหยัดค่าไฟได้ไม่มากก็น้อย โดยตำแหน่งที่เหมาะสมสำคัญติดตั้งเครื่องปรับอากาศคือ บริเวณที่โล่ง ไม่เป็นมุมอับ หรือบริเวณที่ไม่ถูกแสงแดดจัดโดยตรง รวมทั้งไม่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศใกล้กับประตูหรือหน้าต่าง รวมไปถึงความเข้าใจผิดที่ว่า 


การเปิดทั้งเครื่องปรับอากาศและพัดลมไปด้วยกัน จะยิ่งทำให้เปลืองไฟ แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิด เพราะการเปิดพัดลมจะช่วยทำให้ความเย็นกระจายไปทั่วถึงทั้งห้อง ช่วยลดอุณหภูมิห้องลง 1-2 องศา และที่สำคัญช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศได้อีกด้วย แนะนำให้เปิดแอร์ 26 องศา แต่หากต้องการความรู้สึกเย็นสบายเท่ากับ 24 องศา ให้เปิดพัดลมช่วย


โดยไม่ต้องลดอุณหภูมิของแอร์ การเปิดแอร์พร้อมพัดลม ประหยัดไฟได้มากกว่าการลดอุณหภูมิของแอร์ เพราะพัดลมช่วยเพิ่มความเร็วลม เพิ่มการเคลื่อนที่ของอากาศ ทำให้เกิดการระบายความร้อนจากร่างกาย ทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้น โดยที่อุณหภูมิห้องยังคงเท่าเดิม อย่างไกร็ตาม เชื่อว่า หลายบ้านมักจะเปิดแอร์อยู่ที่อุณหภูมิ 25 องศา


ช่วยประหยัดไฟ แม้ว่าการเปิดเครื่องปรับอากาศที่อุณหภูมิ 25 องศาเป็นวิธีที่ดีและถูกต้องในการช่วยประหยัดไฟฟ้า แต่การดูแลตัวเครื่องซ่อมแซมและทำความสะอาด อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศประหยัดไฟไปได้ในตัว ทั้งหมดนี้คือความเข้าใจที่ผิดๆ ในการใช้แอร์ ดังนั้น ควรเปลี่ยนความเข้าใจใหม่ เพื่อให้เราสามารถใช้งานแอร์ได้อย่างถูกต้องและช่วยให้ประหยัดค่าไฟได้เป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
 
อย่างไรก็ตาม ทางเราก็มีบริการซ่อมบำรุง มีบริการการดูแลภายในอาคารและพื้นที่โดยรอบจำเป็นต้องตรวจตราและหมั่นดูแล อย่างสม่ำเสมอตลอดการบริการ การที่องค์กรใช้บริษัทที่หลากหลายเข้า มาดูแลบริการด้านต่าง ๆ นั้น อาจทำให้องค์กรสิ้นเปลืองงบประมาณเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะในเรื่องของการดูแลระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศภายในอาคาร ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะ ใช้ชีวิตในภายในอาคาร และถ้าภายในอาคารนั้นมีผู้ป่วยอยู่ด้วยก็ยิ่งเป็นการสะสมของฝุ่นจนทำให้เกิดเป็นเชื้อรา และส่งผลต่อสุขภาพและเกิดโรคต่างๆได้